- ปีการศึกษา
-
2567
- ภาคเรียน
-
ภาคเรียนที่ 1
- สถานศึกษา
-
ราชวินิต
การสร้างทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมผ่านกิจกรรมสะเต็มศึกษา (STEM education)
-
-
สะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education : STEM Education) เป็นแนวทางการจัดการศึกษาที่บูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ ที่มุ่งแก้ไขปัญหาที่พบเห็นในชีวิตจริง เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ ทักษะชีวิต ความคิดสร้างสรรค์และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้องค์ความรู้และทักษะกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมในอนาคต
-
สะเต็มศึกษากับการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน สะเต็มศึกษาเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่ใช้ความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ ผ่านการทำกิจกรรม (activity based) หรือการทำโครงาน (project based) ที่เหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผู้เรียนการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาดังกล่าวนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการสื่อสารซึ่งทักษะดังกล่าวนี้เป็นทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ผู้เรียนพึงมี นอกจากนี้ผู้เรียนยังได้ความรู้แบบองค์รวมที่สามารถนำไปเชื่อมโยงหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
-
โรงเรียนราชวินิต ได้เล็งเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการสร้างทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมผ่านกิจกรรมสะเต็มศึกษา (STEM education) เพื่อส่งเสริมความเป็นอัจฉริยะและเติมเต็มศักยภาพของนักเรียนให้ก้าวไปสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ทั้งยังส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการ ตลอดจนปลูกฝังความมีจิตสำนึกที่ดีมีคุณธรรมอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของกิจกรรม “การสร้างทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมผ่านกิจกรรมสะเต็มศึกษา (STEM education)” ขึ้น เพื่อสนองนโยบายดังกล่าว และเพิ่มพูนทักษะชีวิตด้วยการนำนักเรียนไปแข่งขันแสดงศักยภาพในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศต่อไป
-
-
-
1. ผู้เรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ใช้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
-
และกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรม เป็นพื้นฐาน นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างทักษะการเรียนรู้
-
และนวัตกรรมผ่านกิจกรรมสะเต็มศึกษา (STEM education) ควบคู่ไปกับวิชาหลักสูตรแกนกลาง
-
2. นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้สะเต็มศึกษา (STEM education) มีความเข้าใจสาระวิชาและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มากขึ้น
-
3. นักเรียนมีโอกาสพัฒนาตนเองให้ทันต่อเทคโนโลยียุคใหม่และสามารถแข่งขันได้ และส่งเสริมการจัดการเรียนรู้และเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มสาระวิชา
-
4. เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้คิด ลงมือปฏิบัติ และแก้ปัญหา ผ่านกิจกรรม
-
สะเต็มศึกษา(STEM education)
-
-
นวัตกรรมสะเต็มศึกษา